คำนำ

สวัสดีครับผู้เยี่ยมชมทุกท่าน...บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู ภาคเรียนที่ 1/2557สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง .....เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน(blended learning)เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการศึกษาค้นคว้าเพื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติ นอกจากนี้ยังเป็นทางหนึ่งในการส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบประโยชน์และคุณค่าของ "ทางสายกลาง"โดยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง...

คำอธิบายรายวิชา

คำอธิบายรายวิชา

..........ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูล ระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพวิเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่าง เหมาะสมได้


วัตถุประสงค์ในรายวิชา
........เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้
1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
3. ยกตัวอย่างเทคโนดลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้
4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้
5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้
6. บอกความหมายและองค์ประสกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้
7. อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้
8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้
9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้
10. บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้
12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้
13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้
14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้
15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้


เนื้อหาบทเรียน
หน่วยการเรียนที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หน่วยการเรียนที่ 3 คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่ 4 ซอฟต์แวร์
หน่วยการเรียนที่ 5 ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่ 6 อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
หน่วยการเรียนที่ 8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน
รูปแบบของกระบวนการเรียนการสอน
วิธีสอน : เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning)
เนื้อหาบทเรียน : เนื้อหาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
เครื่องมือกำกับการเรียนรู้ : ความซื่อสัตย์(integrity) กิจกรรมการเรียนการสอน
การบรรยายประกอบสื่อในชั้นเรียนปกติ (traditional classroom)
การศึกษาค้นคว้าด้วยสื่อออนไลน์หรือเว็บบล็อก
การสรุปและนำเสนอในชั้นเรียนด้วยสื่อ ICT
การอภิปรายแสดงความคิดเห็น
การสรุปเป็นรายงาน
การทดสอบเพื่อวัดและประเมินผล

หน่วยที่ 1

หน่วยที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

การกำเนิดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร   เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาเกิดจากการรวมกันของเทคโนโลยีโทรคมนาคม กับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์     สารสนเทศ หมายถึง  ตัวเนื้อหาสาระของข้อมูลข่าวสารโดยใช้คอมพิวเตอร์ทำหน้าที่รวบรวม จัดเก็บปรับเปลี่ยนรูปแบบของสารสนเทศ  ปัจจุบันมีการใช้คำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตรงภาษาอังกฤษว่า Information and Communication Technology :ICT กันอย่างแพร่หลาย   การสื่อสารไร้สายกำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ เช่น การทำธุรกิจต่างๆผ่านโทรศัพท์มือถือ ได้แก่ M-Shopping การซื้อขายผ่านโทรศัพท์มือถือ M-Banking การสั่งจากเงินหรือโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ M-Commerce ธุรกิจผ่านมือถือ ยังมี บริการสอบถามและแจ้งข้อมูลโทรศัพท์ซึ้งใช้ได้ 24ชั่วโมง เรียกว่าศูนย์ให้บริการ [Call Center]   ในอนาคตไม่ไกลนัก เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารมีแนวโน้มจะรวมเข้าด้วยกัน จะเห็นได้จากโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ที่สามารถรับส่งอีเมล์ได้ คอมพิวเตอร์พกพาบางรุ่นสามารถใช้งานกับโทรศัพท์มือถือได้ด้วย การผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองด้านนี้เรียกว่า คอนเวอร์เจนซ์ [Convergence]   ประวัติโดยย่อของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  -เทคโนโลยีโทรคมนาคม  เริ่มจากการประดิษฐ์โทรเลขของแซมวล มอร์ส ในปี พ.ศ.2538 เป็นครั้งแรกที่ข่าวสารถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าส่งตามสายเป็นระยะทางไกลๆ ได้โดยอาศัยด้วยวิธีการเข้ารหัสตัวอักษร   -เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เป็นผลมาจากการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือในการคำนวณ เริ่มจากเครื่องมือในการใช้คำนวณเครื่องแรก คือ ลูกคิด ที่สร้างขึ้นในประเทศจีน จนกระทั้งในปี พ.ศ. 2376 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ชาร์ล แบบเบจ ได้ประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์ สามารถคำนวณค่าตรีโกณมิติ ฟังชั่นต่างๆทางคณิตศาสตร์

สามรถแบ่งยุคคอมพิวเตอร์ได้ 5 ยุค
  ยุคที่ 1 พ.ศ.2489-2502  เป็นการประดิษฐ์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่เครื่องคำนวณ โดยเมาช์ลีและเอ็กเคอร์ต ได้แนวความคิดนั้นมาประดิษฐ์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพมากเรียกว่า ENIAC
  ยุคที่ 2 พ.ศ.2502-2506 มีการนำทรานซิสเตอร์มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทำให้เครื่องมีขนาดเล็กลง มีความรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
  ยุคที่ 3 พ.ศ.2507-2512 คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เริ่มต้นภายหลังจากการใช้ทรานซิสเตอร์ได้เพียง 5 ปี ได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเกี่ยวกับวงจรรวม [Integrated-Circuit : IC ]
  ยุคที่ 4 พ.ศ.2513-2532 เป็นยุคที่นำสารกึ่งตัวนำมาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก สามรถย่อส่วนไอซีธรรมดาหลายๆวงจรเข้ามาในวงจรเดียวกัน ทำให้เครื่องเล็กลง ราคาถูกลง และมีความสามารถในการทำงานสูงและรวดเร็ว
  ยุคที่ 5 พ.ศ.2533-ปัจจุบัน เน้นการพัฒนาความสามารถในการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ ให้ใช้งานง่าย มีความสามารถสูงขึ้น รวมทั้งโครงการวิจัยและพัฒนาการเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ยุตนี้
  ความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  เทคโนโลยี เป็นคำที่มาจากภาษาละตินว่า TEXERE
มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า To weave แปลว่า สาน เรียบเรียง ถักทอ ปะติดปะต่อ และ Construct แปลว่า สร้าง ผูกเรื่อง  ส่วนเทคโนโลยี ในรากศัพท์ภาษากรีกมาจากคำว่า Technologia แปลว่าการทำงานเป็นระบบ
  สารสนเทศ ปัจจุบันคำว่าสารสนเทศเข้ามามีบทบาทกับวงการต่างๆในสังคมและมักนิยมใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีและเรียกเป็นคำเดียวกันว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ
  สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ได้รับตีความ จำแนกแจกแจง จัดหมวดหมู่ หรือประมวลผลจนมีสาระอยู่ในตัวมันเอง สามารถสื่อความหมายให้เกิดการเข้าใจกับผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลนั้นและสามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้
  เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เช่น
  1.ด้านวิชาการ ช่วยในการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูล
  2.การดำรงชีวิตประจำวัน ช่วยให้มีความสะดวกคล่องตัว และรวดเร็ว
  3.การดำเนินธุรกิจ ทำให้มีการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น
  4.ด้านการติดต่อสื่อสาร ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการต่างๆ และปรากฎการณ์โลกไร้พรมแดน ทำให้คนในสังคมมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
  5.ด้านการผลิต ระบบการทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือจะช่วยให้การทำงานได้มากขึ้น และรวดเร็ว
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
  ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการใหม่ๆก่อให้เกิด เครื่องมือหรือวิธีการในการอำนวยความสะดวกในการให้บริการอย่างรวดเร็ว เช่น การทำบัตรประชาชนสามารถให้บริการโดยการเชื่อมต่อ ระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นระบบสายตรงที่มีประโยชน์มากและเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่จำเป็น
  กระแสโลกาภิวัฒน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร
  กระแสโลกาภิวัฒน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปัจจุบันช่วยให้ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายมากขึ้น การเดินทางและการติดต่อสื่อสารระหว่างกันสามารถทำได้ง่ายขึ้น มีการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในงานทุกสาขาอาชีพ
  คอมพิวเตอร์เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต การศึกษาและการเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศจะช่วยให้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในทุกๆด้าน
  ในปัจจุบันเราสามารถสื่อสารระหว่างกันโดยการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นที่สาม หรือ 3G ส่งสัญญาณเสียงและภาพพร้อมกัน โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ ทำให้เราสามารถเห็นภาพของคู่สนทนาไปพร้อมๆกัน
  บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อสังคม
  1.ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการสื่อสารที่กว้างไกล
  2.ช่วยทำให้วิทยาการต่างๆเจริญก้าวหน้าและทันสมัยอย่างรวดเร็ว
  3.การรับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของโลกเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
  4.สามารถเข้าถึงคลังข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก
  5.สนับสนุนการทำงานและกระบวนการผลิต
  6.ส่งเสริมระบบบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  7.กระจายโอกาสด้านการศึกษาให้ผู้เรียนที่อยู่ห่างไกลสามารถเรียนรู้ผ่านการสอนทางไกลหรือผ่านดาวเทียม
  8.สามารถเผยแพร่สารสนเทศและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สังคมโลกได้ง่าย
  9.ช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


2 ความคิดเห็น: